พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติฯ ชุมชนทุ่งสง ต้อนรับคณะ อบต.เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ชุมชนทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับคณะ อบต.เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่ นำโดย รองนายก อบต. สมาชิกอบต. พนักงาน อบต. ผู้นำชุมชน กลุ่มอาชีพ และ อสม มาศึกษาดูงาน ณ แปลงตัวอย่างเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางพระราชดำริ (แปลงของว่าที่ ร.ต.หญิงอรุณพร จันทรเสน) และศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านไสเหนือ (ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้านไสเหนือ) หมู่ที่ 8 ตำบลนาหลวงเสน อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้เข้าร่วมรวม 90 คน

การมาศึกษาดูงานในครั้งนี้ มีการรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับ..
ความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำของชุมชน การทำฝาย ถังดักตะกอน ถังพักน้ำ โรงน้ำดื่มชุมชน ที่ผ่านมาตรฐาน อย. ทำให้ประชาชนมีน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย
การทำเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่
และการนำผลผลิตที่ได้ใปแปรรูป ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สิ่งแวดล้อม การรณรงค์ให้ประชาชนปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่ตนเองและสาธารณะ การคัดแยกขยะ การทำปุ๋ยจากขยะเปียก
เยี่ยมชมฐานเรียนรู้ภายในศูนย์
และสาธิตเกี่ยวกับการทำจุลินทรีย์จากน้ำมะพร้าว จุลินทรีย์น้ำซาวข้าว การทำยาดมสมุนไพร การทำไม้กวาดจากขวดน้ำพลาสติก



พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติฯ ชุมชนทุ่งสง จัดกิจกรรม “ตะลุยป่าชุมชนฅนต้นน้ำบ้านวังไทร ครั้งที่1”

เมื่อวันที่ 21-24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ชุมชนทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวฅนต้นน้ำบ้านวังไทร ม.6 ต.ถ้ำใหญ่ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO จัดกิจกรรม “ตะลุยป่าชุมชนฅนต้นน้ำบ้านวังไทร ครั้งที่1” ขึ้น การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 49 คน

ภายในกิจกรรมมีการรับฟังการบรรยายข้อมูลในพื้นที่ถึงความสำเร็จของการบริหารจัดการและเชื่อมโยงระบบกักเก็บน้ำเข้าสระแก้มลิง ทำให้ชุมชนมีน้ำที่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค
และช่วงฤดูแล้ง
ชาวบ้านในอ.ทุ่งสงรอดพ้นภัยแล้งได้ทั้งอำเภอ จากนั้นเยี่ยมชมแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่
ที่มีการจัดสรรพื้นที่ มีสระน้ำประจำสวน และเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภค ผลผลิตที่ได้จากการทำเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน ทำให้เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนกว่า 3 แสนบาทต่อปี และร่วมกันบวชป่าในพื้นที่ป่าต้นน้ำในชุมชน ทำให้ผู้ที่มาเยือนในครั้งนี้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับชุมชนของตนเองต่อไป














พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านห้วยขึม จ.แพร่

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านห้วยขึม ตำบลน้ำเลา อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่” โดยมีนายชัยฤกษ์ ยะปะนันท์ ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอร้องกวาง พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มาร่วมงานจำนวนมาก

ชุมชนแห่งนี้ เดิมประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เมื่อได้เข้าเรียนที่โรงเรียนน้ำของจังหวัดแพร่ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ จึงได้นำความรู้ด้านสารสนเทศน้ำมาสำรวจ จัดทำและวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ข้อมูลแผนที่เรียกคืนป่าชุมชน ที่เหลือเพียง142 ไร่ รวบรวมคืนมาเป็น 378 ไร่
และร่วมกันฟื้นฟูป่าชุมชนด้วยการสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น ต่อมาสามารถเรียกคืนพื้นที่สาธารณะมาขุดเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยขึมโยธินอุทกพัฒนา พื้นที่ 120 ไร่ ที่กลายเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ทำให้ชุมชนมีน้ำใช้อุปโภคและทำเกษตรได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี เมื่อชุมชน มีความมั่นคงน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว เกิดการรวมกลุ่มอาชีพ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ส่งผลให้ชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข

“ชุมชนบ้านห้วยขึม” นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริที่ชุมชนอื่นสามารถศึกษาเรียนรู้ จากการรักษาวิถีชีวิตเดิม สู่การเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ และดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ จึงได้รับคัดเลือกให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ” ลำดับที่ 30 ของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้การน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทำงาน ไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นต่อไป






รักษาราชการแทนนายอำเภอร้องกวาง กล่าวต้อนรับ


ประธานกรรมการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ
กล่าวแสดงความยินดีผ่านวีดิทัศน์


พิพิธภัณฑ์ธรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านแม่ขมิง จ.แพร่

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านแม่ขมิง ตำบลสรอย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่” โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มาร่วมงานจำนวนมาก

ชุมชนบ้านแม่ขมิง เดิมประสบปัญหาน้ำแล้ง น้ำหลาก และดินโคลนถล่ม ต่อมากรมชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ปะยาง แต่น้ำยังไม่เพียงพอ ชุมชนจึงร่วมกันกำหนดธรรมนูญชุมชน ให้คณะกรรมการหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้าน ร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำและฟื้นฟูป่าต้นน้ำต่อเนื่องปีละไม่น้อยกว่า 100 ฝาย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ทำให้ปัจจุบัน ป่าชุมชนพื้นที่ 389 ไร่ อุดมสมบูรณ์
มีน้ำตลอดปี
มีกฎกติกาชุมชนในการกระจายน้ำให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ชุมชนเลิกทะเลาะแย่งน้ำกัน กลายเป็นต้นแบบของการจัดการอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กด้วยธรรมนูญชุมชน

“ชุมชนบ้านแม่ขมิง” นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริที่ชุมชนอื่นสามารถศึกษาเรียนรู้ จากการรักษาวิถีชีวิตเดิม สู่การเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ และดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ จึงได้รับคัดเลือกให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ” ลำดับที่ 29 ของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้การน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทำงาน ไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นต่อไป


รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
กล่าวต้อนรับ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวแสดงความยินดีถึงความสำเร็จของชุมชน





หนังสือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ปี 2564-2565
หนังสือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ฉบับการ์ตูน ปี 2566
หนังสือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ฉบับการ์ตูน ปี 2565
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านตะโล๊ะ จ.ยะลา

วันนี้ 25 พฤษภาคม 2566 ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านตะโล๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา” โดยมีนายจรูญศักดิ์ หมาดเท่ง นายอำเภอรามัน พร้อมด้วยนางสาวเยาวภา อินชะนะ ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการเสริมสร้างและสนับสนุนความเข้าใจในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มาร่วมงานจำนวนมาก

ชุมชนบ้านตะโล๊ะแห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นการพัฒนาชุมชนที่ใช้ความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ต่อมาเมื่อสภาเกษตรกรจังหวัดยะลาได้พากลุ่มเยาวชนบ้านตะโล๊ะที่ขาดโอกาสทางการศึกษามาร่วมเรียนรู้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการทำเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ ที่จัดโดยโรงเรียนพระดาบส และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ หรือ (สสน.) กลุ่มเยาวชนจึงได้รู้จักกับเครือข่ายลุ่มน้ำปัตตานี ที่กลายมาเป็นพี่เลี้ยง และเกิดการจัดตั้งคณะกรรมการชุมชนขึ้น มาพัฒนาลำห้วยหลัก 2 ลำห้วย คือ ลำห้วยดูซงปาโจ กับ ดูซงยาฆอ ทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้ตลอดปี

ปัจจุบัน กลุ่มเยาวชนได้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาทรัพยากรน้ำ เกิดอาชีพให้เยาวชน ทั้ง ทำเกษตร และเพาะกล้าไม้ รวมทั้ง เกิดกลุ่มอาชีพแม่บ้านที่ดำเนินงานร่วมกับผู้นำศาสนา ขับเคลื่อนพัฒนาสังคมและศาสนา

ความสำเร็จที่เห็นถึงความยั่งยืนของบ้านตะโล๊ะ คือ กลุ่มอาชีพ ที่เป็นอาชีพใหม่ และ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ได้แก่ กลุ่มพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรแบบยั่งยืน ประกอบด้วย กลุ่มปลูกผักปลอดภัยบ้านตะโล๊ะ กลุ่มเลี้ยงปลาในสระพระราชทาน กลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรง และกองทุนกลุ่มสตรี ประกอบด้วย กองทุนขายอาหาร กองทุนเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ กองทุนน้ำดื่มสะอาด โดยรายได้ทั้งหมดจะนำมาพัฒนามัสยิด เป็นค่าอาหารกลางวันให้กับเด็กโรงเรียนสอนศาสนา และนำไปพัฒนาหมู่บ้าน

ชุมชนบ้านตะโล๊ะ นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำ ตามแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 จึงได้รับการจัดตั้งให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ” ลำดับที่ 26 ให้ผู้ที่สนใจ สามารถเรียนรู้การน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทำงานไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นต่อไป








พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนตำบลดงละคร อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก” โดยมีนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มาร่วมงานจำนวนมาก

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จของชุมชนที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ระบบสระพวง และหลักการทรงงานมาประยุกต์ใช้เป็นหลักในการดำเนินงาน ปัจจุบันชุมชนตำบลดงละครได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตมาทำเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ และใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความพอเพียง

ชุมชนตำบลดงละคร นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำที่สามารถเชื่อมโยงแหล่งน้ำให้เป็นโครงข่ายแก้มลิง และดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ จึงได้รับการจัดตั้งให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ” ลำดับที่ 25 ของประเทศ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้การน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทำงานไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นต่อไป




พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชมทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช” โดยมี นายปรีชา ชนะกิจกำจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มาร่วมงานจำนวนมาก

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จของชุมชนที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ สร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนด้วยฝายกักเก็บน้ำ สำรองน้ำด้วยสระแก้มลิง ปรับรูปที่ดินมาทำเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เกิดเครือข่ายบริหารจัดการน้ำครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตาม “กรอบคิด” เรื่องการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า รู้จักตนเอง ปรับตัวตามการเปลี่ยนให้เหมาะสมกับภูมิสังคมในวิถีพอเพียง และ “กรอบงาน” ที่เกิดจากการร่วมกันสำรวจและเก็บข้อมูล โดยนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ ควบคู่กับการเรียนรู้ใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม เครื่องระบุพิกัด (GPS) และค่าระดับมาปรับใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างน้ำ แผนผังน้ำ ทิศทางน้ำ เพื่อเชื่อมโยงระบบกักเก็บน้ำเข้ากับสระแก้มลิง สระประจำไร่นา และถังสำรองน้ำอย่างเป็นระบบ บรรเทาความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง และปรับเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาทำเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ในครัวเรือน ก่อให้เกิดความมั่นคงอาหาร มั่นคงน้ำ บนวิถีพอเพียง

นับได้ว่าชุมชนทุ่งสงเป็นตัวอย่างความสำเร็จจากการเรียนรู้ สู่การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ จึงได้รับการจัดตั้งให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ” ลำดับที่ 24 และเป็นต้นแบบให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้การน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทำงาน ไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นต่อไป